10 เหตุผลที่ธุรกิจใหม่ควรเริ่มทำ SEO SEO (Search Engine Optimization) เป็นการทำการตลาดยุคดิจิทัล ที่ธุรกิจใหม่ไม่ควรมองข้าม เพราะมันอาจสร้างผลประโยชน์มากมายให้กับการเติบโตและความสำเร็จของธุรกิจคุณในอนาคต วันนี้เราเลยจะมาพูดถึง 10 เหตุผลที่ธุรกิจใหม่ควรเริ่มทำ SEO 1. เพิ่มการมองเห็นบนโลกออนไลน์ เมื่อ Google แนะนำบทความของคุณบนโลกออนไลน์ จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะเจอคุณมากขึ้น และยังเพิ่มความน่าเชื่อถือของคุณอีกด้วย 2. เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณ เมื่อ Google แนะนำบทความของคุณบนโลกออนไลน์ จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะเจอคุณมากขึ้น และยังเพิ่มความน่าเชื่อถือของคุณอีกด้วย 3. เพิ่มการเข้าชมแบบ Organic ในหลายๆ แพลทฟอร์ม จะมีโฆษนาแบบเสียเงินเพื่อกระตุ้นการเข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งคุณภาพของผู้ชมเว็บไซต์ก็อาจไม่ได้มาตรฐาน หรือที่หลายๆ คนเรียกว่าแอคเค้าผี แต่ในทางกลับกัการเข้าชมเว็บไซต์แบบ ไม่เสียเงิน หรือ Organic ส่วนใหญ่เลยจะเป็นคนจริงๆ หรือลูกค้าที่สนใจเรื่องนี้จริงๆ 4. กำหนดกลุ่มเป้าหมายลูกค้าได้ ด้วยคีย์เวิร์ดและเนื้อหาบทความที่นำมาใช้ทำ SEO จะช่วยเชื่อมโยงธุรกิจของคุณกับลูกค้าที่กำลังสนใจเรื่องนั้นๆ อย่างเช่น ในกลุ่มธุรกิจคลินิคเสริมความงาม หากว่าลูกค้าค้นหาคำว่า “โบทอกเชียงใหม่” หมายความว่า ลูกค้ามีความสนใจในสินค้ารายการนี้ ถ้าหากลูกค้าค้นคำว่า โบทอกเชียงใหม่ แล้วเจอเว็บไซต์ของคุณ คุณก็สามารถเปลี่ยน ผู้เข้าชม เป็น ลูกค้า ได้ง่ายขึ้น 5. ความได้เปรียบในเชิงธุรกิจ การที่จะทำ SEO ให้มีคุณภาพ คุณจะต้องอาศัยระยะเวลาเป็นปัจจัยสำคัญ หากว่าเริ่มทำ SEO ก่อนคู่แข่งของธุรกิจคุณ เว็บไซต์ก็จะมีโอกาสติดอันดับได้ดีกว่า และ คุณก็จะมีอันดับการแข่งขันที่ดีกว่าคู่แข่งในอุสาหกรรมเดียวกัน 6. การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ ในเชิง SEO สามารถวัดได้ว่า ผู้ใช้งานอยู่บนเว็บไซต์เรากี่นาที และ เยี่ยมชมเว็บเพจไหนในเว็บไซต์ จากข้อมูลเชิงลึกพวกนี้สามารถที่จะนำไปพัฒนาให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นได้ ยิ่งทำให้ธุรกิจของคุณสามารถ รักษาลูกค้าเก่าไว้ได้ 7. SEO สำหรับธุรกิจที่มีหน้าร้านจริง หากว่าคุณทำธุรกิจที่มีหน้าร้านจริงๆ เช่น ร้านอาหาร ในบางครั้งลูกค้าอาจค้นหาด้วยคำว่า หมูกรอบ SEO สามารถที่จะแนะนำร้านอาหารของคุณให้อยู่บนสุดของการค้นหาได้ แม้ว่าร้านของคุณจะไม่ได้ขายหมูกรอบโดยเฉพาะ รวมทั้การค้นหาบนแผนที่ google ก็สามารถทำ SEO ได้นะ 8. SEO ที่ดีจะสามารถวัดผลได้ หากคุณมีประสบการณ์ที่ทำ SEO มาบ้างจะทราบดีว่า SEO จะมีตัวแปรหลายอย่างที่ใช้วัดค่า เช่น Traffic (ผู้เข้าชม) Keywords Ranking (การจัดอันดับคำ) Conversion Rate (การมีส่วนร่วม) ค่าพวกนี้จะสามารถช่วยให้พัฒนาเว็บไซต์ของคุณได้อย่างมีประสิทภาพ 9. SEO เป็นกลยุทระยะยาวของธุรกิจ อย่างที่กราบว่า การจะทำให้ เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาต้องใช้ระยะเวลา แต่ถ้าหากว่ามีคีย์เวิร์ดที่ติดอันดับแล้ว เว็บไซต์ของคุณจะมีประสิทภาพที่จะเปลี่ยนผู้ค้นหาเป็นลูกค้าได้ในระยะยาวด้วยเช่นกัน 10. การปรับตัวให้เหมาะกับพฤติกรรมของผู้บริโภค เนื่องจาก ในปัจุบัน Search Engine ถูกใช้อย่างแพร่หลาย หากเจ้าของธุรกิจตัดสินใจที่จะทำการตลาดเชิงตั้งรับ SEO จะเป็นตัวเลือกที่ดีในยุคปัจุบัน ในอนาคตอันใกล้ AI จะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก ลองคิดดูว่า ถ้าผู้สนใจถามว่า แนะนำร้านอาหารอร่อยในเชียงใหม่ แล้วไม่เจอร้านของคุณมันจะน่าเสียดายแค่ไหน เพราะ AI ไม่สามารถมีหน้าให้เลื่อนหาเหมือน Search Engine ได้นะ โดยสรุป SEO เป็นส่วนสำคัญของการตลาดยุคใหม่ที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณอย่างมากโดยการเพิ่มการมองเห็น ดึงดูดปริมาณการเข้าชมของกลุ่มเป้าหมาย และสร้างความน่าเชื่อถือกับธุรกิจของคุณ เป็นการลงทุนที่ให้ผลลัพธ์ระยะยาวและช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จในโลกดิจิทัล สำหรับคนที่กำลังมองหาบริษัทมืออาชีพที่จะช่วยวิเคราะห์เว็บ วางแผน วางกลยุทธ์ SEO ที่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกับเว็บไซต์ธุรกิจของคุณ ทางเรา Browseware Solutions ยินดีให้คำปรึกษาเพื่อทำให้ SEO สำหรับเว็บไซต์ของคุณสมบูรณ์ที่สุด ช่วยสร้างยอดขาย และทำให้เว็บไซต์ของธุรกิจคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น จากการติดอันดับสูง ๆ บน Google แบ่งบัน แชร์ :

Software house ทีมพัฒนาระบบ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กร ในยุคสมัยที่การสื่อสารและการแลกเปลี่ยนข้อมูลดำเนินการไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนต่างให้ความสนใจกับสิ่งที่อำนวยความสะดวกและตอบสนองต่อความต้องการของตัวเอง ไม่แปลกเลยที่ในทุกวันนี้จะมีการพัฒนาแอปพลิเคชั่นมือถือ เว็บแอปฯ หรือระบบซอฟต์แวร์เฉพาะที่ใช้ในองค์กรตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงระดับใหญ่โต และในเบื้องหลังของสิ่งเหล่านี้ก็มาจากนักพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ หรือที่เรียกว่า Software house (ซอฟเเวร์ เฮาส์) ใครหลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคย ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักเพิ่มเติม ไปอ่านกันได้เลย Software house คือใคร ? Software house ถ้าจะให้เข้าใจได้ง่าย ๆ เลยก็คือ บริษัทหรือหน่วยงานภายนอกที่รับพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ตามความต้องการของลูกค้าโดยการเพิ่มความแม่นยำในการเก็บและประมวลผลข้อมูล ตัวอย่างเช่น คลังสินค้าแห่งหนึ่ง ต้องการสร้างเว็บแอป (Web App)เพื่อเช็คสต๊อกสินค้าแบบเรียลไทม์ ดังนั้นจึงมีการว่าจ้างกับทาง Browseware solutions ในการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ที่ช่วยในเรื่องของการเช็คจำนวนสินค้าที่คงเหลืออยู่ในคลัง เป็นต้น (สนใจพัฒนาระบบซอฟต์แวร์และติดตาม ผลงาน ของ Browseware solutions ได้) อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า Software house สามารถพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ได้ตามแบบที่ลูกค้าต้องการ นอกจากจะสามารถพัฒนา Web App แล้ว ก็ยังสามารถพัฒนาระบบที่จำเป็นอื่น ๆ อีกมากมายตามสายงานที่แตกต่างกันไป เช่น การติด Tag สินค้า การประมวลผลข้อมูล และการเขียนโปรแกรมต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ระบบของธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงลดข้อผิดพลาดจาก Human error ที่อาจจะต้องทำให้เสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น ที่สำคัญการมีนักพัฒนาระบบซอฟต์แวร์อยู่ใกล้ตัว ช่วยให้ธุรกิจมีการขับเคลื่อนได้ดีขึ้นในยุคของเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำสมัยนี บทบาทของ Software house ต่อการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ย่างที่เรารู้กันว่าในยุคสมัยนี้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ธุรกิจสามารถทำได้คือการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในทันที เน้นความไวและความสะดวกสบาย ดังนั้นการให้ Software house ได้เข้ามาพัฒนาระบบซอฟต์แวร์เฉพาะสำหรับธุรกิจนั้น ๆ จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและตอบโจทย์ความท้าทายในปัจจุบันเป็นอย่างมาก กล่าวโดยสรุป การดำเนินธุรกิจภายใต้การรวบรวมข้อมูลมหาศาลและการแข่งขันกับเวลาที่สูง มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีระบบซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมกับประเภทของธุรกิจ ในการจัดเก็บข้อมูลให้เป็นระเบียบ สะดวกต่อการดึงกลับมาใช้งานอีกครั้ง หากได้ Software house มาพัฒนาระบบซอฟต์แวร์อีกแรง ธุรกิจก็จะสามารถขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่สำคัญได้อย่างแน่นอน

3 เหตุผลที่คุณควรจ้างบริษัทในการสร้าง เว็บไซต์องค์กร “เว็บไซต์” เป็นสิ่งที่ใครๆก็สามารถทำได้ ไม่ว่าคุณจะเคยมีประสบการณ์มาก่อนหรือไม่ก็ตาม เพราะเดี๋ยวนี้การทำเว็บไซต์สามารถทำได้โดยการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป คุณอาจจะไม่ต้องมานั่งเขียนโค้ดเอง เพราะโปรแกรมสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปถูกตั้งค่ามาเพื่อให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกมากขึ้น แค่คุณอาจจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมในบางเรื่อง แต่ในบางครั้ง การจะสร้างเว็บไซต์ให้ดูมีความน่าเชื่อถือและดูเป็นมืออาชีพ คุณอาจจะต้องพึ่งพาบริษัทรับทำเว็บไซต์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านด้วย มาดูกันว่า มีเหตุผลอะไรบ้างที่คุณควรเลือกจ้างบริษัททำเว็บไซต์เมื่อคุณต้องการทำ เว็บไซต์องค์กร ของคุณ เหตุผลที่ 1 การจ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์ช่วยลดภาระงานบางอย่างในองค์กรของคุณ การทำเว็บไซต์องค์กร เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะต้องใช้ความละเอียด ถี่ถ้วนในการพัฒนาเว็บไซต์ให้ดูน่าเชื่อถือ ตั้งแต่การออกแบบเฟรมเวิร์คในแต่ละหน้า การตั้งค่าหน้าเว็บไซต์ให้สามารถตอบสนองกับผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการอัปเดตข้อมูลข่าวสารต่างๆขององค์ให้มีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ปัญหาเหล่านี้คุณสามารถรับมือและจัดการได้ง่ายขึ้นโดยการจ้างให้บริษัทรับทำเว็บไซต์ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำ เว็บไซต์องค์กร ให้กับคุณนั้นเอง เหตุผลที่ 2 เว็บไซต์องค์กร จะน่าเชื่อถือมากขึ้น หากคุณได้มอบหมายหน้าที่นี้ให้กับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเว็บไซต์ เว็บไซต์องค์กรที่มีความน่าเชื่อถือส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรคุณ แต่การจะทำให้เว็บไซต์ขององค์กรมีความน่าเชื่อถือนั้นจะต้องผ่านกระบวนการพัฒนาที่หลากหลายขั้นตอน เช่น การทดสอบระบบซ้ำๆเพื่อหาข้อผิดพลาดของเว็บไซต์ การอุดช่องโหว่ของเว็บไซต์เพื่อป้องกันการถูกโจรกรรมข้อมูลขององค์กร รวมถึงการป้องกันข้อมูลของผู้ที่ใช้งานบนเว็บไซต์ของคุณด้วย ซึ่งในแต่ละขั้นตอนนั้นก็จะต้องใช้ความละเอียด รอบคอบ และความชำนาญของผู้พัฒนาเว็บไซต์ในแก้ไขให้ได้อย่างตรงจุด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญนั้น คุณก็สามารถหาได้ผ่านการจ้างงานกับทางบริษัทรับทำเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เหตุผลที่ 3 การจ้างบริษัททำเว็บไซต์ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นของการทำ เว็บไซต์องค์กร อย่างที่เราได้เกริ่นกันก่อนหน้านี้ว่าการสร้างเว็บไซต์อาจจะทำได้โดยการใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในการสร้างเว็บไซต์ให้กับองค์กรของคุณ แต่บางครั้งเมื่อคุณต้องการใช้เทมเพลตและลูกเล่นที่เหนือกว่า คุณก็อาจจะต้องจ่ายเงินเพื่อแลกมา และอาจจะเกิดการทดลองไปเรื่อยๆจนไม่รู้เลยว่าคุณได้เสียเงินให้สิ่งนั้นไปเท่าไหร่ตั้งเท่าไหร่แล้ว แต่หากคุณจ้างบริษัทรับทำเว็บไซต์ให้สร้างเว็บไซต์ให้กับองค์กร คุณเพียงแค่บอกความต้องการที่ชัดเจนของคุณตั้งแต่ทีแรกที่ตกลงกัน และหลังจากนั้นคุณก็จะได้รับผลงานตามที่คุณต้องการมากที่สุด โดยที่คุณไม่ต้องเสียเงินไปกับการทดลองที่ไม่จำเป็นซักเท่าไหร่   กล่าวโดยสรุป การสร้างเว็บไซต์องค์กร มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำเว็บไซต์ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเว็บไซต์ขององค์กรคุณ เพราะการที่คุณมีผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในสายงานเว็บไซต์ จะช่วยให้คุณสามารถลดข้อผิดพลาดในการพัฒนาเว็บไซต์ รวมถึงลดการใช้เวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นแล้วคุณสามารถหาผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำเว็บไซต์ได้ โดยการว่าจ้างกับทางบริษัทพัฒนาเว็บไซต์ หากคุณสนใจพัฒนาเว็บไซต์กับเรา สามารถติดตามผลงานของเราได้ที่ Browseware Solutions

จ้างทำ เว็บไซต์ แสดงผลงาน สำหรับองค์กรต้องเตรียมข้อมูลอะไร ผลงานขององค์กรสามารถเลือกแสดงได้บนเว็บไซต์ขององค์กร เมื่อคุณต้องการนำเสนอผลงาน คุณสามารถเปิดเว็บไซต์ในหน้า ผลงาน ได้เลยโดยไม่ต้องพรีเซนต์ผ่านไฟล์ PDF หรือ Power Point นอกจากนี้คุณยังสามารถอัปเดตไฟล์ผลงานได้ทุกที่ทุกเวลาและยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าองค์กรของคุณมีความพร้อม ทันสมัยและก้าวทันเทคโนโลยี หากคุณกำลังคิดว่าจะจ้างบริษัทรับพัฒนาเว็บไซต์เพื่อสร้าง เว็บไซต์ แสดงผลงาน และยังกังวลว่าจะต้องเตรียมข้อมูลอะไรบ้าง คุณตามมาอ่านในบทความนี้ได้เลย ก่อนพัฒนาเว็บไซต์ ก่อนพัฒนาเว็บไซต์ คุณจะต้องรู้ความต้องการของตัวคุณเองแล้วว่าต้องการให้ เว็บไซต์แสดงผลงาน ของคุณมีหน้าตาเป็นแบบไหน คุณมีข้อมูลอะไร รวมถึงต้องการนำเสนอผลงานอย่างไร และหลังจากนั้นคุณก็สามารถเริ่มคุยและตกลงงานกับทางบริษัทที่รับทำเว็บไซต์ได้เลย ซึ่งในระยะก่อนพัฒนาเว็บไซต์นี้ จะเป็นการแจ้งความต้องการของคุณต่อบริษัทที่รับทำเว็บไซต์ โดยข้อมูลที่จะต้องแจ้ง มีดังนี้ องค์กรของคุณทำเกี่ยวกับอะไร โครงการอสังหาฯ, คลินิก, สตูดิโอ หรืออื่นๆ เพราะในแต่ละองค์กรมีรูปแบบการพรีเซนต์ผลงานที่ต่างกัน เมื่อคุณแจ้งข้อมูลขององค์กรตรงนี้ให้บริษัทที่ทำเว็บไซต์ได้ทราบแล้ว ทางบริษัทจะสามารถแนะนำรูปแบบการพรีเซนต์ผลงานที่เหมาะสมให้กับองค์กรคุณได้ รูปแบบการพรีเซนต์ผลงานเป็นอย่างไร คุณต้องการให้ผู้ใช้งาน เห็นรายละเอียดผลงานขององค์กรในรูปแบบไหน เช่น ต้องการแบ่งประเภทผลงานให้เป็นหมวดหมู่, ต้องการให้ผู้ใช้งานคลิกภาพผลงาน แล้วโยงไปที่ลิ้งค์อื่นได้ หรือ ต้องการแสดงรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ เพิ่มเติม นอกเหนือจากชื่อของผลงาน เป็นต้น แนบผลงานตัวอย่างขององค์กรของคุณ โดยคุณจะต้องนำผลงานขององค์กรอย่างน้อย 1 – 2 ผลงาน ส่งให้กับทางบริษัทรับพัฒนาเว็บฯ เพื่อที่คุณจะได้เห็นภาพรวมของหน้าผลงานบนเว็บไซต์เสมือนจริง ก่อนที่จะถูกปรับให้เป็นเว็บไซต์จริง ที่สามารถใช้งานได้ เมื่อคุณดีลข้อมูลเหล่านี้กับทางบริษัทรับพัฒนาเว็บไซต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถดำเนินการในขั้นตอนต่อไปของระยะระหว่างพัฒนาเว็บไซต์ได้เลย   ระหว่างการพัฒนาเว็บไซต์ หลังจากที่คุณได้บรีฟงานเสร็จเรียบร้อบแล้ว บริษัทพัฒนาเว็บฯก็จะเริ่มดำเนินการในส่วนของการสร้างเว็บไซต์ให้กับคุณ และในระหว่างนี้ คุณก็สามารถสร้างและรวบรวมผลงานของคุณไปได้เรื่อยๆ อาจจะติดตามผลการทำเว็บไซต์กับทางบริษัทฯบ้างในบางคราว จนกระทั่ง เว็บไซต์ แสดงผลงาน ของคุณเสร็จสิ้นกระบวนการพัฒนา และหลังจากนี้จึงกลายเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของคุณต่อไป เสร็จสิ้นการพัฒนา เว็บไซต์ แสดงผลงาน เมื่อบริษัทรับพัฒนาเว็บฯ ได้พัฒนาเว็บไซต์ของคุณจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หน้าที่ต่อไปของคุณก็คือการอัปเดตหน้าผลงานบนเว็บไซต์ขององค์กรคุณ และคุณไม่ต้องกังวลว่าจะใช้งานเว็บไซต์ เพราะว่าคุณจะได้รับคำแนะนำและคู่มือการใช้งานเว็บไซต์จากบริษัทรับพัฒนาเว็บฯก่อน หลังจากนั้น คุณก็จะสามารถอัปเดตผลงานขององค์กรลงบนเว็บไซต์แสดงผลงานได้เองแบบเรียลไทม์จากกระบวนการทั้งหมดนี้ คงพอที่จะทำให้คุณได้เห็นภาพรวมของกระบวนการจ้างทำเว็บไซต์คร่าวๆแล้ว นอกจากบริษัทรับพัฒนาเว็บไซต์จะสามารถสร้าง เว็บไซต์ แสดงผลงาน หรือ เว็บไซต์เก็บผลงาน ให้กับองค์กรของคุณได้แล้วนั้น ยังสามารถพัฒนาเว็บไซต์เพื่อให้ข้อมูลกับผู้ใช้งานบนเว็บไซต์หรืองานอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย คุณสามารถสอบถามเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์ได้ที่ Browseware Solution

“เว็บไซต์พรีเซนต์ผลงาน” คืออะไร มาทำความรู้จักกัน “เว็บไซต์” เป็นแหล่งที่สามารถให้ข้อมูลองค์กรกับผู้ที่สนใจในองค์กรของคุณ และยังสามารถเป็นที่เก็บผลงานขององค์กรของคุณได้อีกด้วย คุณสามารถพรีเซนต์ผลงานทั้งหมดขององค์กร ได้จากหน้าผลงานบนเว็บไซต์ขององค์กรคุณ หรือเรียกอีกอย่างว่า “เว็บไซต์พรีเซนต์ผลงาน” บทความนี้ เรามาทำความรู้จักเพิ่มเติมเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่ใช้สำหรับพรีเซนต์ผลงานและมาดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง เว็บไซต์พรีเซนต์ผลงาน คืออะไร เว็บไซต์พรีเซนต์ผลงาน (Website portfolio) คือ เว็บไซต์ที่ใช้สำหรับนำเสนอผลงานทั้งหมดขององค์กรคุณ และหมายถึงส่วนของหน้าผลงานในเว็บไซต์ขององค์กรด้วย ซึ่งในปัจจุบัน องค์กรส่วนใหญ่มักจะรวมการนำเสนอผลงานไว้ในเว็บไซต์สำหรับให้ข้อมูลเพราะถือว่ามีความสะดวกกว่าการทำเว็บไซต์แยกกัน ด้วยเหตุนี้ เราจึงมักจะไม่ค่อยได้เห็นเว็บไซต์ที่ใช้สำหรับแสดงผลงานเพียงอย่างเดียวนั้นเอง ประโยชน์ของเว็บไซต์พรีเซนต์ผลงานต่อองค์กร การทำให้องค์กรของคุณมีภาพลักษณ์ที่ดี ปัจจัยหนึ่งมากจากวิธีการพรีเซนต์ผลงานขององค์กรคุณ การพรีเซนต์ผลงานที่ดีที่สุดในปัจจุบันนี้จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากการใช้ “เว็บไซต์” เข้ามาเป็นตัวกลางช่วยในการพรีเซนต์ผลงาน และเหตุผลเป็นเพราะว่า เว็บไซต์เป็นแหล่งที่ผู้ใช้งานสามารถรับรู้เรื่องราวและกิจกรรมขององค์กรคุณได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ เว็บไซต์พรีเซนต์ผลงาน ยังช่วยให้การจัดเก็บผลงานขององค์กรคุณเป็นไปได้อย่างมีระเบียบ คุณสามารถย้อนดูผลงานที่เป็นความทรงจำขององค์กรได้ทุกเมื่อ รวมถึงผลงานที่ถูกบันทึกไว้ในเว็บไซต์ ยังสามารถกลายมาเป็นเรื่องราวขององค์กรได้อีกด้วย มากไปกว่านั้น คุณยังสามารถเรียกนำเสนอผลงานของคุณได้อย่างสะดวก โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องบันทึกไฟล์ผลงานเพื่อนำไปพรีเซนต์ในที่อื่นๆ เพราะการนำเสนอผลงานผ่านเว็บไซต์สามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา และยังถูกมองได้ว่าเป็นองค์กรที่มีความพร้อมและมีความทันสมัย ส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่เราได้กล่าวไว้ในข้างต้นอีกด้วย สร้างเว็บไซต์พรีเซนต์ผลงานได้อย่างไร การสร้างเว็บไซต์พรีเซนต์ผลงาน คุณสามารถติดต่อจ้างบริษัทรับพัฒนาเว็บไซต์สำหรับองค์กรได้ โดยที่คุณจะต้องแจ้งความต้องการในส่วนของฟังก์ชั่นการทำงาน และรูปแบบการแสดงผลให้บริษัทรับทราบเพื่อที่บริษัทจะได้นำไปพัฒนาเว็บไซต์ให้กับองค์กรของคุณต่อไป กล่าวโดยสรุป เว็บไซต์พรีเซนต์ผลงาน ถูกใช้งานเพื่อเป็นการนำเสนอผลงานขององค์กรคุณ นอกจากนี้ยังช่วยให้ภาพลักษณ์ขององค์กรดูดีขึ้น มากไปกว่านั้นยังเป็นการจัดระเบียบผลงานของคุณให้สามารถดึงผลงานมานำเสนอได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว หากต้องการสร้างเว็บไซต์เพื่อพรีเซนต์ผลงานสำหรับองค์กร สามารถติดต่อเราได้

สื่อสารกับ ซอฟเเวร์ เฮาส์ อย่างไรให้ได้งานที่มีคุณภาพ การสื่อสารเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการดีลงานระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง เช่นเดียวกับผู้ที่ต้องการทำเว็บไซต์ ที่ต้องการจ้างบริษัททำเว็บไซต์ และคาดหวังให้ผลงานเป็นไปตามความต้องการ ก็จะต้องสื่อสารกันในเรื่องของเนื้อหา รวมถึงขอบเขตของงานให้ถูกต้อง ครบถ้วน เข้าใจได้ทั้งสองฝ่าย ในบทความนี้ เรามีทริกเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้ทั้งคุณและบริษัทรับทำเว็บไซต์ หรือ ซอฟเเวร์ เฮาส์ (Software house) เข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน 1. ข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษรช่วยให้ ซอฟเเวร์ เฮาส์ เข้าใจง่ายมากขึ้น จุดสำคัญ หรือ ความต้องการที่พลาดไม่ได้ ควรที่จะถูกบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็นการเตือนให้กับฝ่ายว่าจ้างและรับจ้าง เข้าใจรายละเอียดของงานได้ตรงกัน ลดการสับสนหรือข้อบกพร่องของงาน อีกทั้งยังไม่ทำให้ต้องกลับมาแก้ไขที่ส่งผลให้เกิดความล่าช้า 2. การสื่อสารแบบ Face-to-Face จะช่วยให้เข้าใจกันดีกว่า ในบางครั้งการดีลงานผ่านอีเมล หรือ แชทข้อความก็สามารถสร้างปัญหาในการสื่อสารได้ เพราะอีกฝ่ายที่ได้รับสื่อไปก็อาจจะไม่เข้าใจทั้งหมด รวมถึงปัญหาในการโต้ตอบที่ไม่เรียลไทม์ ดังนั้น การนัดพูดคุยงาน กับ ซอฟเเวร์ เฮาส์ ในบางครั้งเพื่ออัปเดตงาน นอกจากจะเข้าใจกันและกันได้มากขึ้นแล้ว ก็จะช่วยให้คุณได้รับงานที่มีคุณภาพเมื่อจบโปรเจกต์ด้วยเช่นกัน 3. ทำความเข้าใจกระบวนการทำงานของกันและกัน แต่ละฝ่ายต่างก็มีวิธีการทำงานและข้อจำกัดบางอย่างที่แตกต่างกันไป การเข้าใจกระบวนการทำงานของกันและกันจะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างสามารถดำเนินต่อไปจนบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ร่วมกันได้ มากไปกว่านั้นเมื่อจบโปรเจต์แล้วก็อาจจะได้มิตรภาพหรือคอนเนคชั่นเพิ่มขึ้นอีกด้วย 4. เมื่อมีประเด็นที่ยังไม่เข้าใจ ควรสอบถามทันที เมื่อไม่เข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่าย การถามคำถามเป็นสิ่งที่ดีที่สุด การเคลียร์ข้อสงสัยทั้งในผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างนั้น จะสร้างความเชื่อมั่นให้กันและกัน ส่งผลให้ผลของงานที่ตามมา ในที่นี้หมายถึงการ ทำ Website จาก ซอฟเเวร์ เฮาส์ ที่เราว่าจ้าง เป็นไปตามความต้องการของผู้ที่ต้องการทำเว็บไซต์ 5. แสดงขอบเขตของงานให้ชัดเจนร่วมกับ ซอฟเเวร์ เฮาส์ การมีขอบเขตงานที่ชัดเจนตั้งแต่แรก จะช่วยให้ผู้ที่มีส่วนร่วมในงานไม่สับสน คุณลองคิดดูว่าการที่เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำงาน ผลลัพธ์ของงานก็มักจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ อาจจะมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่ก็น้อยมาก เช่นเดียวกับการว่าจ้าง ซอฟเเวร์ เฮาส์ ในการสร้างเว็บไซต์ ถ้าผู้ว่าจ้างกำหนดขอบเขตงานร่วมกับผู้รับจ้างได้อย่างชัดเจน เว็บไซต์นั้นก็จะเป็นไปตามที่คุณคาดหวังไว้มากที่สุด 5 ข้อที่กล่าวมานี้จะช่วยให้คุณสามารถส่งสารที่ดี ไปยังบริษัทที่รับทำเว็บไซต์ หรือ Software house ให้สามารถเข้าใจวัตถุประสงค์ของคุณ และสามารถทำเว็บไซต์ได้ตรงตามความต้องการของคุณอย่างแน่นอน